ผ้าไหม
ผ้าไหม เป็นวัตถุดิบที่ถูกนำมาใช้ในการทำเสื้อผ้าและงานประดิษฐ์อื่นๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ ผ้าไหมที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมาจากใยไหม หรือไหมที่สกัดจากแมลงไหม เช่น แมลงไหมทองคำ ผ้าไหมมีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม เช่น ละเอียดอ่อน ระบายอากาศได้ดี และรับน้ำได้ดี
ข้อดีของผ้าไหม
– มีความละเอียดในการทอที่สูง เหมาะสำหรับงานประดิษฐ์ที่ต้องการรายละเอียดที่ละเอียดอ่อน
– รับน้ำได้ดี และระบายอากาศได้ดี ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายตัว
– มีความเป็นธรรมชาติ ไม่เกิดการกระตุ้นผิวหนัง และไม่ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ข้อเสียของผ้าไหม
– ราคาที่สูงกว่าผ้าอื่นๆ เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน
– มีความยืดหยุ่นน้อยกว่าผ้าอื่นๆ ทำให้ไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง
– ต้องการการดูแลรักษาเพิ่มเติม เช่น การซักแห้งในที่ร่ม เพื่อป้องกันการชำรุด
PU ลายผ้าไหม
PU ลายผ้าไหม เป็นวัตถุดิบที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเทียบผ้าไหม ย่อมาจาก Polyurethane (โพลียูรีเทน) เป็นหนังที่ถูกผลิตขึ้นโดยกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์ ทำให้มีลักษณะคล้ายผ้าไหมจริง แต่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
ข้อดีของ PU ลายผ้าไหม
– ราคาที่จับต้องได้ เพราะผลิตโดยใช้วัตถุดิบที่ไม่แพงมาก
– มีความยืดหยุ่นสูงกว่าผ้าไหมจริง ทำให้เหมาะสำหรับการทำเฟอร์นิเจอร์ในปัจจุบัน
– การดูแลรักษาที่ง่ายกว่าผ้าไหมจริง ไม่ต้องซักล้าง
ข้อเสียของ PU ลายผ้าไหม
– ไม่สามารถระบายอากาศได้เท่าผ้าไหมจริง ทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่สบายตัว
– ความคล้ายผ้าไหมจริง อาจมีความหนาแน่นที่ต่างกันได้
– ไม่สามารถโดนน้ำและสารเคมีบางประเภทได้ อาจเกิดปฏิกิริยาต่อหนังและผลิตภัณฑ์
สรุป
ผ้าไหมและ PU ลายผ้าไหมมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยผ้าไหมมีคุณสมบัติที่ดี เช่น ละเอียดอ่อน ระบายอากาศได้ดี และรับน้ำได้ดี ในขณะที่ PU ลายผ้าไหมมีความยืดหยุ่นสูงกว่า ความหรูหรา เนื้อนิ่ม และมีราคาที่จับต้องได้กว่า การเลือกใช้ผ้าขึ้นอยู่กับการใช้งานและความต้องการของผู้ใช้เอง